เมื่อเอ่ยถึงคำว่า ปะการัง เชื่อแน่ว่าหลายคนคงเคยได้ยิน หรือเคยเห็นมาแล้วทั้งจากหนังสือเรียน นิตยสารท่องเที่ยว หรือรายการสารคดี ทางโทรทัศน์ ในขณะที่หลายคนอาจมีโอกาส ได้ดำน้ำลงไปสัมผัสอย่างใกล้ชิดที่ใต้ทะเลมาแล้ว
แต่หากเอ่ยคำว่า ปะการังเทียม อาจทำให้หลายคนแสดงอาการเอา หัวคิ้วมาชนกันด้วย ความสงสัยและมีคำถาม ออกมาว่า มันเป็นยังไงเหรอ เจ้าปะการังเทียมเนี่ย? ต่างจากปะการังแท้อย่างไร
ปะการังเทียมเป็นวัตกรรมอย่างหนึ่งที่ถูกคิดค้นขึ้นมาทดแทนปะการังแท้ที่กำลังถูกคุกคามอย่างหนัก หลายท่านอาจไม่ทราบว่าในความเป็นจริงประเทศไทยเป็นประเทศที่มีทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดประเทศหนึ่ง
ในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปะการัง ที่มีอยู่ทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งทะเลด้านอันดามัน โดยแนวปะการังในอ่าวไทยส่วน
ใหญ่จะพบตามเกาะต่างๆ และบริเวณชายฝั่งบางแห่งตั้งแต่บริเวณหมู่เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรีเรื่อยลงมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
บริเวณเกาะเต่า จังหวัดสุราษฏร์ธานี มีการก่อตัวของแนวปะการังระดับน้ำลึกประมาณ 15 เมตร
จากการสำรวจและประเมินพื้นที่แนวปะการัง พบว่าในฝั่งอ่าวไทยมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 74.9 ตารางกิโลเมตร
ในส่วนของทะเลด้านอันดามันส่วนใหญ่จะพบตามชายฝั่งด้านตะวันออกของเกาะ พื้นที่แนวปะการังพบว่ามีประมาณ
78 ตารางกิโลเมตร
สถานการณ์ของปะการังในปัจจุบันพบว่ามีความเสื่อมโทรมลงอย่างมาก จากการสำรวจของกรมประมงพบว่า
แนวปะการังฝั่งอันดามันเสื่อมโทรมลงเกือบ 50% ในขณะที่ฝั่งอ่าวไทยเสื่อมโทรมลง 24%
สาเหตุส่วนใหญ่ก็เป็นผลเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ และกิจกรรมของมนุษย์ แนวปะการังหลายแห่งเสียหายเพราะพายุ จากการที่โลกร้อนขึ้นทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น จนเกิดปรากฏการณ์ฟอกขาว(coral bleaching) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ ได้แก่การท่องเที่ยวนำชมปะการัง การทำปะมงด้วยเครื่องมือผิดประเภท
แต่หากเอ่ยคำว่า ปะการังเทียม อาจทำให้หลายคนแสดงอาการเอา หัวคิ้วมาชนกันด้วย ความสงสัยและมีคำถาม ออกมาว่า มันเป็นยังไงเหรอ เจ้าปะการังเทียมเนี่ย? ต่างจากปะการังแท้อย่างไร
ปะการังเทียมเป็นวัตกรรมอย่างหนึ่งที่ถูกคิดค้นขึ้นมาทดแทนปะการังแท้ที่กำลังถูกคุกคามอย่างหนัก หลายท่านอาจไม่ทราบว่าในความเป็นจริงประเทศไทยเป็นประเทศที่มีทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดประเทศหนึ่ง
ในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปะการัง ที่มีอยู่ทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งทะเลด้านอันดามัน โดยแนวปะการังในอ่าวไทยส่วน
ใหญ่จะพบตามเกาะต่างๆ และบริเวณชายฝั่งบางแห่งตั้งแต่บริเวณหมู่เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรีเรื่อยลงมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
บริเวณเกาะเต่า จังหวัดสุราษฏร์ธานี มีการก่อตัวของแนวปะการังระดับน้ำลึกประมาณ 15 เมตร
จากการสำรวจและประเมินพื้นที่แนวปะการัง พบว่าในฝั่งอ่าวไทยมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 74.9 ตารางกิโลเมตร
ในส่วนของทะเลด้านอันดามันส่วนใหญ่จะพบตามชายฝั่งด้านตะวันออกของเกาะ พื้นที่แนวปะการังพบว่ามีประมาณ
78 ตารางกิโลเมตร
สถานการณ์ของปะการังในปัจจุบันพบว่ามีความเสื่อมโทรมลงอย่างมาก จากการสำรวจของกรมประมงพบว่า
แนวปะการังฝั่งอันดามันเสื่อมโทรมลงเกือบ 50% ในขณะที่ฝั่งอ่าวไทยเสื่อมโทรมลง 24%
สาเหตุส่วนใหญ่ก็เป็นผลเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ และกิจกรรมของมนุษย์ แนวปะการังหลายแห่งเสียหายเพราะพายุ จากการที่โลกร้อนขึ้นทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น จนเกิดปรากฏการณ์ฟอกขาว(coral bleaching) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ ได้แก่การท่องเที่ยวนำชมปะการัง การทำปะมงด้วยเครื่องมือผิดประเภท
การทำปะการังเทียม ไม่ว่าจะจากวัสดุประเภทใด : ยางรถยนต์ บล๊อกคอนกรีต ท่อคอนกรีต เรือ รถไฟ รถยนต์ เครื่องบิน ฯลฯ เป็นเรื่องที่มีค่าใช้จ่ายสูง ไม่ว่าจะเป็นค่าวัสดุ ค่าขนส่ง และค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกจิปาถะ ซึ่งถ้าเป็นหน่วยงานของรัฐก็จะต้องได้รับอนุมัติงบประมาณมาก่อน ถ้าเป็นเอกชนจัดทำ ก็ต้องเป็นหน่วยงานที่ค่อนข้างใหญ่ มีเงินแยะๆ คงจะเกินความสามารถของนักดำน้ำตาดำๆอย่างเราที่จะควักกระเป๋ากันเองมาเป็น ค่าใช้จ่ายครับ
การ วางปะการังเทียม ไม่ว่าจะเป็นในจุดไหนๆในประเทศไทย จะต้องขออนุญาตจากหลายหน่วยงาน ซึ่งประกอบด้วย กรมประมง - กระทรวงเกษตรฯ,สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรฯ, กรมเจ้าท่า - กระทรวงคมนาคม และกองทัพเรือ ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวจะเป็นผู้พิจารณาถึงความเหมาะสมของโครงการ ที่ตั้ง วัสดุที่จะใช้ รวมถึงผลการศึกษาถึงผลกระทบที่จะมีต่อระบบนิเวศทางทะเลและสภาพแวดล้อม
การ วางปะการังเทียม ไม่ว่าจะเป็นในจุดไหนๆในประเทศไทย จะต้องขออนุญาตจากหลายหน่วยงาน ซึ่งประกอบด้วย กรมประมง - กระทรวงเกษตรฯ,สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรฯ, กรมเจ้าท่า - กระทรวงคมนาคม และกองทัพเรือ ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวจะเป็นผู้พิจารณาถึงความเหมาะสมของโครงการ ที่ตั้ง วัสดุที่จะใช้ รวมถึงผลการศึกษาถึงผลกระทบที่จะมีต่อระบบนิเวศทางทะเลและสภาพแวดล้อม
ภาพติดตามผลการวางปะการังเทียม
ปลากะพงเหลืองขมิ้น (olives striped snapper)
จัดเป็นปลาเศรษฐกิจสำคัญชนิดหนึ่ง
ที่เข้ามาอาศัยอยู่บริเวณกองปะการังเทียม
สภาพทั่วไปภายในวงรถยนต์ที่มัดรวมกันด้วยเชือก พบสิ่งมีชีวิตเกาะ
ติดอยู่ค่อนข้างหนาแน่น เช่น เพรียงหิน หอยนางรม เพรียงหัวหอม
เพรียงหัวหอมแบบกลุ่ม เกาะบนกองปะการังเทียม
ส่วนที่เห็นเป็นต้น ลักษณะเป็นเส้นยาวๆ คือ
ขนนกทะเล เป็นสัตว์ที่มีพิษ ถ้าสัมผัสจะรู้สึกเจ็บปวด
เพรียงหัวหอมกลุ่มสีเหลืองเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดำรงชีวิต
แบบเคลือบวัตถุใต้น้ำในภาพหุ้มกองปะการังเทียมไว้
ภาพสิ่งมีชีวิตเกาะติดชนิดต่างๆ ที่ดำรงชีวิตแบบเกาะติด
(sessile animals)ได้แก่ ไบโอซัว เพรียงหิน หอยนางรม
หนอนปล้องที่สร้างปลอกหินปูนในภาพที่เห็นเป็นเส้นสีขาวๆ คือ ไบโอซัว
แม่นดำหนามยาว (blackseaurchin) เกาะบนปะการังเทียมที่มี
ตะกอนปกคลุม คาดว่ากำลังดูดกินสาหร่ายเป็นอาหาร เป็นการเปิด
พื้นที่ให้สิ่งมีชีวิตที่ดำรงชีวิตแบบเกาะติดลงเกาะเพื่อเจริญเติบโตต่อไป
ภาพฟองน้ำหนามสีขาว (sping sponge) ที่เกาะอยู่บนกองปะการังเทียม
ภาพยางรถยนต์จม มีฟองน้ำสีส้มและสีดำ (sponge)
ปลิงทะเล (sea cucumber)เกาะอยู่และหาอาหารบริเวณปะการังเทียม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น